มาเข้าใจ 10 อันดับรูปแบบกราฟ ที่นักเทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้ - General Talk - WealthMagik

Welcome Guest! You are not login or register.

Notification

Error

WealthMagik » หมวดหมู่ทั่วไป » General Talk » มาเข้าใจ 10 อันดับรูปแบบกราฟ ที่นักเทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้

มาเข้าใจ 10 อันดับรูปแบบกราฟ ที่นักเทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้

Options

Previous Topic Next Topic

thespidery		#1 Posted : Wednesday, March 23, 2022 9:29:15 PM(UTC)
Rank: Newbie Joined: 1/16/2022(UTC) Posts: 3		รูปแบบแผนภูมิเป็นหนึ่งในเครื่องมือการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับผู้ซื้อขาย เป็นการดูรูปแบบของราคาและเกิดขึ้นจากแรงกดดันในการซื้อและขาย ซึ่งรูปแบบกราฟมีประวัติที่พิสูจน์แล้วและเทรดเดอร์ใช้เพื่อระบุสัญญาณต่อเนื่องหรือการกลับตัว เพื่อเปิดสถานะและระบุเป้าหมายราคา รูปแบบการกลับตัว รูปแบบหัวและไหล่ Head and Shoulders เป็นรูปแบบกราฟการกลับตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มพื้นฐานกำลังจะเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย swing high สามระดับ โดยที่ swing high ตรงกลางจะสูงที่สุด (เส้นสีแดงบนแผนภูมิ) หลังจากสวิงสูงตรงกลาง ระดับสูงสุดที่ต่ำลงเกิดขึ้นซึ่งส่งสัญญาณว่าผู้ซื้อไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะดึงราคาให้สูงขึ้น รูปแบบดูเหมือนหัวที่มีไหล่ซ้ายและขวา (ทั้งสามสูงสวิง) และนั่นคือที่มาของชื่อ เส้นคอเสื้อเชื่อมต่อไหล่ทั้งสองข้าง และการทะลุออกด้านล่างคอเสื้อถือเป็นสัญญาณขาย โดยราคาเป้าหมายคือระยะห่างจากส่วนบนสุดของศีรษะถึงขอบเสื้อผู้หญิงตอนหน้าอก (ลูกศรสีเขียว) หากรูปแบบ Head and Shoulders เกิดขึ้นในช่วงขาลง รูปแบบผกผันเดียวกัน (ที่มีสามระดับต่ำสุดของการแกว่ง) จะเรียกว่ารูปแบบ Inverse Head and Shoulders รูปแบบคู่บนและคู่ล่าง Double Top และ Double Bottom เป็นอีกรูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นระหว่างขาขึ้นและขาลงตามลำดับ double top ตามชื่อของมัน มี swing high สองตัวที่ราคาใกล้เคียงกัน หรือราคาต่างกันเล็กน้อย มันแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อไม่สามารถผลักดันราคาให้สูงขึ้นได้ และการกลับตัวของแนวโน้มอาจเกิดขึ้นข้างหน้า สัญญาณทริกเกอร์สำหรับการเปิดตำแหน่งขายคือการแตกของแนวรับ โดยราคาเป้าหมายคือระยะห่างระหว่างด้านบนและแนวรับของรูปแบบ รูปแบบ double bottom เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม โดยมีสวิงโลว์สองอัน ผู้ขายไม่มีอำนาจที่จะปรับราคาให้ต่ำลง สัญญาณทริกเกอร์คือการแตกของเส้นแนวต้าน โดยราคาเป้าหมายคือระยะห่างระหว่างเส้นด้านล่างและแนวต้าน รูปแบบ Triple Top และ Triple Bottom รูปแบบ Triple Top และ Triple Bottom โดยพื้นฐานแล้วจะเหมือนกับรูปแบบ Double Top และ Double Bottom ทั้งสองรูปแบบเป็นรูปแบบการกลับตัว โดยมีความแตกต่างที่ Triple Tops และ Bottoms มีความสูงและต่ำของวงสวิงสามระดับตามลำดับ สัญญาณทริกเกอร์เป็นการทะลุแนวรับและแนวต้านอีกครั้ง โดยราคาเป้าหมายจะอยู่ห่างจากเส้นบนและแนวรับ (สำหรับ Triple Tops) และเส้นล่างและแนวต้าน (สำหรับ Triple Bottoms) รูปแบบ Rounding Top รูปแบบ Rounding Top ใช้เวลานานกว่าเล็กน้อยในการจัดรูปแบบ จากนั้นรูปแบบแผนภูมิอื่นๆ ที่กล่าวถึง มันแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของความเชื่อมั่นจากตลาดกระทิงเป็นตลาดหมี ราคาจะค่อยๆ กลายเป็น "ยอดโค้งมน" ดังที่เห็นในแผนภูมิ ทริกเกอร์สำหรับการเข้าสู่ตำแหน่งสั้นคือการแตกของแนวรับ โดยราคาเป้าหมายเท่ากับระยะทางจากบนสุดไปยังแนวรับ รูปแบบ ปัดเศษด้านล่าง Rounding Bottom คือ Rounding Top พลิกในแนวตั้ง ราคาทำการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยจากแนวโน้มขาลงก่อนหน้า โดยชี้ด้วย "จุดต่ำสุดที่โค้งมน" สัญญาณทริกเกอร์จะเหมือนกับสัญญาณ Rounding Top นั่นคือการทะลุแนวต้าน ราคาเป้าหมายคือระยะห่างระหว่างเส้นด้านล่างและแนวต้าน รูปแบบแผนภูมิต่อเนื่อง รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นรูปแบบความต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าเป็นการยืนยันว่าแนวโน้มพื้นฐานควรดำเนินต่อไป มันถูกแบ่งออกเป็นสี่เหลี่ยมรั้นและหยาบคาย ขึ้นอยู่กับแนวโน้มพื้นฐาน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากระทิงปรากฏขึ้นในช่วงขาขึ้น เมื่อราคาเข้าสู่ช่วงความคับคั่ง ระหว่างการซื้อขายแบบไซด์เวย์ ราคามีแนวโน้มที่จะทะลุออกในทิศทางของแนวโน้มก่อนหน้า สัญญาณทริกเกอร์คือการแตกของเส้นบนของสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยราคาเป้าหมายคือความสูงของสี่เหลี่ยมผืนผ้า สำหรับรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขาลง จะใช้กฎที่ตรงกันข้าม มันก่อตัวขึ้นในช่วงขาลงเมื่อราคาเข้าสู่ช่วงความคับคั่งและซื้อขายในแนวด้านข้าง ซึ่งหมายความว่าแนวโน้มมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีการทะลุเส้นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านล่าง ราคาเป้าหมายคือความสูงของสี่เหลี่ยมผืนผ้าอีกครั้ง รูปแบบ เวดจ์ เวดจ์เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ต่อเนื่อง เวดจ์กระทิงก่อตัวขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากราคาซื้อขายภายในเส้นแนวโน้มที่บรรจบกัน เส้นแนวโน้มที่มาบรรจบกันเหล่านี้บ่งบอกว่าผู้ขายพยายามผลักดันราคาให้ต่ำลง แต่ไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเอาชนะผู้ซื้อ ในท้ายที่สุด ผู้ซื้อชนะและราคาทะลุผ่านเส้นแนวโน้มบน ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นจะกลับมาอีกครั้ง ราคาเป้าหมายจะคำนวณเป็นความสูงสูงสุดของลิ่ม ซึ่งจากนั้นจะคาดการณ์จนถึงจุดทะลุออก Bearish Wedge นั้นคล้ายกับ Bullish Wedge โดยมีความแตกต่างที่มันปรากฏขึ้นในช่วงขาลง และความชันของเวดจ์นั้นสูงขึ้น เส้นแนวโน้มบรรจบกันแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าผู้ซื้อขัดจังหวะแนวโน้มขาลง พยายามผลักดันราคาให้สูงขึ้น การทะลุผ่านเส้นแนวโน้มด้านล่างบ่งชี้ว่าผู้ขายชนะการต่อสู้ และแนวโน้มขาลงกลับมาดำเนินต่อ ราคาเป้าหมายคือ เช่นเดียวกับแท่งกระทิง ความสูงสูงสุดของเวดจ์ซึ่งถูกคาดการณ์จนถึงจุดทะลุออก รูปแบบ ธง ธงมีลักษณะคล้ายเวดจ์มาก โดยมีความแตกต่างตรงที่เส้นแนวโน้มซึ่งประกอบเป็นธงจะขนานกันและไม่บรรจบกัน เสาธงก็เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบธงเช่นกัน เนื่องจากราคาเป้าหมายวัดด้วยวิธีที่แตกต่างจากรูปแบบกราฟอื่นๆ ธงสามารถเป็นขาขึ้นและขาลงได้ โดยมีธงขาขึ้นแสดงอยู่ในแผนภูมิด้านบน ธงรั้นก่อตัวขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้นโดยมีเส้นแนวโน้มคู่ขนานอยู่ด้านบนและด้านล่างของการเคลื่อนไหวของราคาซึ่งก่อให้เกิดความลาดชันลง การฝ่าวงล้อมด้านบนเป็นการยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นกลับมาเป็นปกติ ธงขาลงนั้นค่อนข้างจะเหมือนกับธงขาขึ้น โดยมีความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงขาลงและมีความลาดเอียงขึ้น ราคาเป้าหมายจะวัดจากความสูงของเสาธง (ลูกศรสีเขียว) ถึงยอดธง จากนั้นจะฉายไปยังจุดต่ำสุดของธงขาขึ้น (หรือจุดที่สูงสุดของธงหมี) รูปแบบ สามเหลี่ยม รูปสามเหลี่ยมสามารถขึ้น ลง และสมมาตรได้ สามเหลี่ยมทั้งสามประเภทดูค่อนข้างเหมือนกัน โดยมีความแตกต่างที่สามเหลี่ยมจากน้อยไปมากมีเส้นแนวโน้มด้านบนแบน และสามเหลี่ยมจากมากไปน้อยจะมีเส้นแนวโน้มด้านล่างแบน เส้นแนวโน้มแบบสมมาตรเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุด และก่อตัวขึ้นระหว่างแนวโน้มขาขึ้นและขาลง มันมีเส้นแนวโน้มบรรจบกัน เช่นเดียวกับรูปแบบลิ่ม แต่ความชันไม่ได้ชี้ขึ้นหรือลง จุดฝ่าวงล้อมของเส้นแนวโน้มด้านล่างในช่วงขาลงเป็นการยืนยันว่าขาลงกลับมาทำงานอีกครั้ง ในขณะที่การฝ่าวงล้อมของเส้นแนวโน้มบนในช่วงขาขึ้นยืนยันแนวโน้มขาขึ้น ราคาเป้าหมายคือความสูงของสามเหลี่ยม ที่คาดการณ์จนถึงจุดฝ่าวงล้อม รูปแบบ ถ้วยและที่จับ รูปแบบ Cup and Handle คือรูปแบบ Rounding Top ที่มีการดึงกลับเพิ่มเติม (ที่จับ) เป็นรูปแบบความต่อเนื่องซึ่งแสดงให้เห็นว่าในช่วงกลางของแนวโน้มขาขึ้น ผู้ขายพยายามผลักดันราคาให้ต่ำลง แต่ความรู้สึกจะค่อยๆ เปลี่ยนจากผู้ขายเป็นผู้ซื้ออีกครั้ง นอกจากนี้ การดึงกลับเกิดขึ้นเนื่องจากความพยายามครั้งสุดท้ายของผู้ขายที่จะครอบงำ หลังจากทะลุแนวต้าน (เส้นประสีเขียว) ราคาเป้าหมายจะคำนวณจากความสูงของรูปแบบ Cup & Handle รูปแบบ Inverse Cup & Handle จะปรากฏขึ้นในช่วงขาลง และกฎผกผันของ Cup & Handle ปกติจะมีผลใช้บังคับ บทสรุป รูปแบบกราฟทั้ง 10 ที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้ ฉันได้เขียนบทความนี้โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแสดงให้คุณเห็นอีกมุมหนึ่งของการซื้อขาย ดังจะเห็นได้ว่ารูปแบบแผนภูมิเหล่านี้อาจช่วยให้คุณกำหนดทิศทางของแนวโน้มได้ แต่คุณไม่ควรพึ่งพาเพียงรูปแบบเดียว ฉันได้ครอบคลุมรูปแบบแผนภูมิหลัก 10 รูปแบบที่ผู้ค้าทุกคนควรรู้ ฉันเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าฉันได้ละเว้นสิ่งสำคัญ โปรดแบ่งปันกับพวกเราที่เหลือในความคิดเห็นด้านล่าง อีกครั้ง ตามที่ฉันได้สรุปไว้ในบทความก่อนหน้านี้ คุณควรเอาทุกอย่างไปด้วยเม็ดเกลือ ไม่มีตัวบ่งชี้ใดที่ดีในตัวเองหรือระบบการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จเพียงพอหากอยู่ในมือที่ไม่ถูกต้อง คุณควรหาสิ่งที่เหมาะกับคุณ ยึดติดกับมัน และอย่าหยุดเรียนรู้การเทรด
		WWW

User Profile View All Posts by User View Thanks

Users browsing this topic
Guest

Forum Jump

You cannot post new topics in this forum.
You cannot reply to topics in this forum.
You cannot delete your posts in this forum.
You cannot edit your posts in this forum.
You cannot create polls in this forum.
You cannot vote in polls in this forum.

Menu

Notification

รูปแบบการกลับตัว

รูปแบบหัวและไหล่

รูปแบบคู่บนและคู่ล่าง

รูปแบบ Triple Top และ Triple Bottom

รูปแบบ Rounding Top

รูปแบบ ปัดเศษด้านล่าง

รูปแบบแผนภูมิต่อเนื่อง

รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า

รูปแบบ เวดจ์

รูปแบบ ธง

รูปแบบ สามเหลี่ยม

รูปแบบ ถ้วยและที่จับ

บทสรุป รูปแบบกราฟทั้ง 10 ที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้